ฤดูร้อนมาถึงแล้ว คุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามทั้งหลายได้เริ่มต้น “ลดน้ำหนัก” ของตัวเองแม้ว่าจะไม่จำเป็นที่จะต้องผอมแบบสายฟ้าแลบ แต่โรคอ้วนก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี
การศึกษาพบว่าโรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอื่นๆอีกมากมาย และแม้กระทั่งโรคมะเร็ง ผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วนจะมีแนวโน้มที่จะมีบุตรยากกว่าผู้หญิงน้ำหนักปกติถึงสามเท่า
เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่มีค่าดัชนีมวลกายปกติผู้ป่วยที่มีค่าBMI≥25kg / m2 จะมีไข่น้อยและตัวอ่อนที่สามารถย้ายได้ก็จะน้อยลง อัตราการตั้งครรภ์ก็จะลดลงและเพิ่มอัตราการแท้งในระยะแรกอีกด้วย และยิ่งอ้วนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ของการตั้งครรภ์ที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วมากขึ้นเท่านั้น
ผลกระทบของโรคอ้วนต่อการทำงานของรังไข่
▼
ผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนจะมีระดับของฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน และส่งผลต่อการพัฒนาของ follicular และเพิ่ม follicular atresia ในทางกลับกันเซลล์ไขมันมี aromatase ซึ่งจะเพิ่มระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายและยับยั้งการปล่อย FSH จากต่อมใต้สมอง เมื่อ FSH ลดลงจะทำให้เกิดความผิดปกติของการตกไข่
▼
ผลกระทบของโรคอ้วนต่อคุณภาพของไข่
▼
การสะสมของไขมันในร่างกายมีผลต่อการพัฒนาของไข่ในรังไข่และส่งผลเสียต่อการพัฒนาของไข่ สารอนุมูลอิสระที่มีมากเกินไปสามารถทำลายไมโตคอนเดรียของไข่ ลดคุณภาพของไข่ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของตัวอ่อนและนำไปสู่การแท้ง
▼
ผลกระทบของโรคอ้วนต่อการฝังตัวของตัวอ่อน
▼
เยื่อบุโพรงมดลูกจะรับการฝังตัวของตัวอ่อนและยังคงพัฒนาเป็นขั้นตอนแรกในการตั้งครรภ์ การพัฒนาการของตัวอ่อนและเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติจะส่งผลให้ตัวอ่อนไม่สามารถที่จะฝังตัวได้และสลายไปกลายเป็นประจำเดือน ส่งผลให้อัตราการฝังตัวและอัตราการตั้งครรภ์ในผู้ป่วยโรคอ้วนลดต่ำลง
เมื่อมีการสลายตัวของเยื่อบุโพรงมดลูกผิดปกติก็จะส่งผลกระทบต่อการสร้างรก ทำให้เกิดตำแหน่งรกที่ผิดปกติและทำให้เกิดความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้ปัจจัยจากสารที่ทำให้การอักเสบจำนวนมากหลั่งมาจากเซลล์ไขมันในผู้ป่วยโรคอ้วนทำให้ตัวอ่อนฝังตัวที่โพรงมดลูกได้น้อยลง จึงส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่อง
การตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดในผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนทำได้ค่อนข้างยาก
▼
การตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดในระหว่างขั้นตอนการกระตุ้นไข่ที่เป็นโรคอ้วนจะเพิ่มความยากลำบากในการใช้อัลตร้าซาวน์เนื่องจากการสะสมของไขมันในร่างกาย อวัยวะอุ้งเชิงกรานและรังไข่ เครื่องอัลตราซาวด์จะไม่แสดงผลอย่างชัดเจน ในบางกรณีจำเป็นต้องใช้การกดหน้าท้องซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก
ในปัจจุบันการเก็บไข่จะดำเนินการภายใต้การทำอัลตราซาวด์ ชั้นไขมันหน้าท้องที่หนาจะเพิ่มความยากลำบากในการเก็บไข่และมีความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก
วิธีลดน้ำหนัก
อาหารและอุปนิสัยการกิน
ไม่อดอาหาร
รับประทานอาหารให้อยู่สมดุลที่เหมาะสม
รับประทานผลไม้ให้อยู่สมดุลที่เหมาะสม
ดื่มน้ำมากๆ
ลดปริมาณน้ำมัน น้ำตาลและเกลือ
รับประทานเป็นมื้อเล็ก ๆ
เคี้ยวช้าๆ
ควรรับประทานอาหารเช้า
ออกกำลังกาย
คุณสามารถอ้างถึงหลักการ FITT ซึ่งแสดงถึงความถี่ ความเข้ม เวลาและประเภทของในการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์การออกกำลังกายที่ดีที่สุด
หลักการ FITT
F: ความถี่ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์
I: ความเข้มของการออกกำลังกายจากต่ำไปสูงเน้นการความคงที่
T: เวลา 30-60 นาที / ค่อยๆเพิ่มเวลา
T: เลือกประเภทในการออกกำลังกาย เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง เดินเร็ว ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ฯลฯ
ปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร การเลือกรับประทานอาหาร วิถีการดำเนินชีวิต การลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพสามารถทำได้มากถึง 5% -10% ผู้ป่วยบางคนสามารถฟื้นฟูจนรอบประจำเดือนและการตกไข่กลับมาเป็นปกติ